ตอนนี้ทุกคนได้ยินเสียงชัดเจนแล้วนะครับ ก็ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ “Facebook Ads Mattery T-Day Challenge” ในวันแรกนี้เลย ซึ่งตลอด 3 วันนี้ เราจะมาเปลี่ยนแปลงทุกท่านจากการแก้แอดรายวัน ให้กลายเป็นการปรับแอดรายสัปดาห์ที่สามารถสร้างยอดขายให้พุ่งทะยาน
ในวันนี้ ผมมีเคสตัวอย่างจากธุรกิจ E-commerce จริงๆ ที่ทำมาแล้วก่อนเปิดคอร์สประมาณ 3 สัปดาห์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่า หากทำตามหลักการแล้ว จะเกิดการเติบโตขึ้นอย่างไร ผมจะมอบหมายการบ้านให้ในระหว่างคอร์สด้วย โดยผมเองจะเป็นผู้ตรวจให้ทุกท่านเอง
ในวันแรก เราจะมาเรียนรู้เรื่องของ: – ทำไมต้องติดกับการแก้แอดรายวัน และวิธีแก้ปัญหานี้ – สาเหตุที่ทำให้ยอดขายติดขัด แคมเปญมีปัญหา และไม่สามารถสเกลได้ – การวางแผนและกำหนดทิศทางการสื่อสารโฆษณา ด้วยเทคนิค 5 Stage of Awareness
ต่อมาในวันที่ 2 เราจะเรียนรู้เรื่อง: – การใช้หลัก 5W (What, Why, Emotional, Functional, Why Not) ในการสร้างสรรค์โฆษณา – การตั้งค่าแคมเปญและจัดการโฆษณาอย่างถูกต้อง – การใช้ Conversion แบบเว็บไซต์และข้อความธุรกิจ พร้อมแนะนำเครื่องมือติดตามวัดผล
และในวันสุดท้าย เราจะเรียนรู้เรื่อง: – การติดตามรีพอร์ตและ Metric ที่สำคัญ – การกำหนด KPI ที่เหมาะสมเพื่อสร้างยอดขายและกำไรให้เติบโต – การประยุกต์ใช้ระบบคุมแอดอัตโนมัติ ที่ผมใช้มากว่า 3 ปี – การบริหารและปรับปรุงแคมเปญให้ได้ผลดีที่สุด
โดยในวันแรกนี้ ผมจะเปิดเผยผลลัพธ์ให้ดูก่อนเลยว่า เมื่อทำตามวิธีในหลักสูตรแล้ว มันให้ผลอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นกำลังใจและจุดประกายให้ทุกท่าน อยากเรียนรู้และลองทำวิธีใหม่ๆ ดู ซึ่งผมเรียกว่าเป็น Challenge เพราะมันต้องอาศัยความทุ่มเทพยายามในการปรับเปลี่ยนวิธีคิดและทำงานแบบเดิมๆ แต่ผมเชื่อว่าเมื่อจบ 3 วันนี้แล้ว ทุกคนจะพร้อมลุยสร้างยอดขายอย่างเต็มที่แน่นอน อย่าลืมนำความรู้ไปลงมือทำจริงหลังจบคอร์สด้วยนะครับ
ปัญหาของการเฝ้าแก้แอดรายวัน
ผมอยากถามหน่อยครับว่า ใครพบปัญหาที่ต้องคอยเฝ้าแก้แอดอยู่ทุกวัน จนต้องเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการวนเวียนอยู่กับหน้า Ads Manager บ้าง ถ้าเจอแบบนี้ พิมพ์ 1 หรือคำว่า “เฝ้า” มาในคอมเมนต์ให้ผมหน่อยนะครับ
ปัญหานี้แหละครับ ที่ทำให้เราติดอยู่กับการเฝ้าแก้แอดรายวัน จนไม่มีเวลาไปวิเคราะห์หรือปรับปรุงธุรกิจของเรา รวมถึงการวางแผนสื่อต่างๆด้วย
ที่เป็นแบบนี้เพราะเรามีเรื่องต้องดูแลมากมาย ไม่ว่าจะต้อง:
การเฝ้าแก้แอดแบบนี้ แม้จะทำให้ ROI (Return on Investment) หรือผลตอบแทนจากการลงทุนแอดสูงขึ้นก็จริง แต่มันทำให้เราไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น ที่สำคัญกว่าเลย เช่น การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย ปรับกลยุทธ์ หรือหาโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างยอดขาย สุดท้ายก็วนกลับไปสู่ปัญหาเดิมคือยอดขายติดหล่ม ไม่เติบโต
ผมอยากแนะนำว่าทางออกของปัญหานี้ คือการใช้ระบบอัตโนมัติอย่าง “Magic Egg” เข้ามาช่วยจัดการแอด จะได้มีเวลาไปทำสิ่งอื่นๆ ที่สำคัญกว่า เช่น การวางแผนปรับกลยุทธ์ หากลุ่มเป้าหมายใหม่ การทดสอบและเรียนรู้ หรือการปรับปรุงข้อมูลให้ดียิ่งขึ้น
เมื่อเรามีเวลา ก็จะทำให้การศึกษาและวางแผนโฆษณาตรงตามกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น ไม่ใช่ใช้หนึ่งโฆษณายิงหาทุกเพศ ทุกวัย แบบที่ผ่านมา การทำตามหลักการต่างๆจะทำได้อย่างครบถ้วนและได้ผลต่อเนื่อง
เพียงแค่สัปดาห์แรก หากเราปล่อยให้ระบบอัตโนมัติอย่าง Magic Egg ดูแลการปรับแอด เราก็จะได้เวลาไปทำสิ่งสำคัญอื่นๆ ที่จะช่วยให้สเกลยอดขายได้จริงๆ แต่ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ เราต้องมีเวลากลับคืนมา จากการไม่ต้องเฝ้าแอดทุกวันเท่านั้น
การใช้ระบบอัตโนมัติในการบริหารแคมเปญโฆษณา
สำหรับผู้ที่ใช้ระบบคุมแอดอัตโนมัติมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น Magic Egg, Revive Social หรือระบบอื่นๆ ช่วยพิมพ์บอกกันหน่อยนะครับว่าเคยใช้ เพื่อเป็นประสบการณ์แชร์กันครับ
ระบบเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์โฆษณาได้รวดเร็ว และไม่ต้องเฝ้าแอด 24 ชั่วโมง ยกตัวอย่างจากบัญชีโฆษณาที่เพิ่งเริ่มยิงไปเมื่อวันที่ 21-27 ม.ค. ในช่วงแรก ยอดขายได้แค่ประมาณ 14,000 บาท
แต่เมื่อปรับแก้ด้วยระบบแล้ว สัปดาห์ถัดมา 28 ม.ค. – 3 ก.พ. ยอดขายพุ่งขึ้นเป็น 84,000 บาท โดยใช้งบไป 10,000 กับ ROAS ที่ 7 เท่า และสัปดาห์ล่าสุด 4-10 ก.พ. ยอดขายทะลุ 200,000 โดยใช้งบ 416,000 และ ROAS ยังอยู่ที่ 4 เท่า
หากยังไม่จบสัปดาห์นี้ ก็มีแนวโน้มจะทำยอดได้ถึง 300,000 บาทเลยทีเดียว จะเห็นว่าเพียงแค่ 3 สัปดาห์ เทียบกับตอนแรกที่ทำได้แค่ 14,000 มันต่างกันมาก เพราะเรามีเครื่องมือมาช่วยให้ปรับแก้ได้ตลอดเวลา
นอกจากคุมแอดแล้ว ระบบยังช่วยให้เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน เช่นดูจากกราฟ ตอนแรก ROAS สูงแต่ยอดขายต่ำ พอปรับจนถึงจุดหนึ่งแล้ว แม้ ROAS จะลดลงแต่ยอดขายก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะรักษา ROAS ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ทำกำไรได้ และลงทุนเพิ่มเพื่อดันยอดขาย
หรือจะดูจาก CPM ที่เพิ่มขึ้นจาก 70-80 มาเป็น 100 บาท บ่งบอกถึงการแข่งขันที่สูงขึ้น รวมถึงกราฟ Thumb Stop Ratio ที่จะบอกว่าผู้ชมกี่เปอร์เซ็นต์หยุดดูวิดีโอโฆษณาของเรา ถ้าปล่อยให้ตกต่ำ เช่นจาก 50% เหลือแค่ 20% (คือมีคนหยุดดูแค่ 20 คนจากผู้เห็น 100) ก็จะรู้ว่าโฆษณาเริ่มไม่น่าสนใจ ต้องปรับแล้ว
เมื่อระบบแจ้งเตือนว่าควรจะมีการปรับเปลี่ยนสื่อโฆษณา เราก็สามารถทำได้ทันที ก่อนที่จะเกิดปัญหาตามมา ทั้งการถูกลูกค้าเบื่อ การเสียโอกาสในการขาย หรือเสียงบไปกับสิ่งที่ไม่คุ้มค่า
นี่คือหัวใจสำคัญที่ระบบอัตโนมัติจะเข้ามาช่วยให้เราสามารถดูแลแคมเปญโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีเวลาไปทำสิ่งสำคัญอื่นๆ เพื่อสเกลธุรกิจได้อย่างแท้จริง
การสร้างแอดให้เกิดยอดขายได้จริง ต้องอาศัยข้อความโฆษณาที่ชัดเจนและมีพลัง พาลูกค้าจากโลกโซเชียลมีเดียเข้ามาซื้อของเราได้ ซึ่งเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยกำหนดทิศทางการสื่อสาร คือ 5W Avatar ประกอบด้วย:
นอกจากนี้เรายังต้องเข้าใจ 5 Stages of Awareness หรือ 5 ระดับการรับรู้ของลูกค้า ตั้งแต่:
สิ่งสำคัญคือการสร้างโฆษณาที่เข้าถึงลูกค้าในแต่ละสเตจให้ได้ กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้เฉพาะเจาะจง ใช้ข้อความที่โดนใจ ตรงประเด็น สื่อสารประโยชน์ชัดเจน จนนำไปสู่การตัดสินใจซื้อในที่สุด
เมื่อกำหนดกลยุทธ์การสื่อสารได้แล้ว เราจะต้องมาออกแบบโฆษณาให้เหมาะกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการสร้างแคปชันที่ชัดเจน คมคาย และคอนเทนต์ที่โดนใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้นๆ จนกลายเป็นโฆษณานางฟ้าที่สร้างยอดขายให้ธุรกิจอย่างต่อเนื่องได้
นี่คือเป้าหมายหลักที่เราจะได้เรียนรู้ในเวิร์คช็อปนี้ เพื่อกลับไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยยกระดับจากการแก้แอดรายวัน ไปสู่การปรับแอดแบบมืออาชีพ ที่สร้างยอดขายให้เติบโตได้จริงครับ
การทำ Buyer Persona หรือการเข้าใจลูกค้าของเราว่าเป็นใครนั้น สำคัญมากต่อการสร้างโฆษณาที่ตรงใจ แต่การทำครั้งแรกอาจจะยากและใช้เวลาพอสมควร ดังนั้นในวันนี้ ผมจะแนะนำเครื่องมือ AI ตัวหนึ่งที่จะมาช่วยให้ทุกท่าน หากลุ่มเป้าหมายของสินค้าได้ง่ายขึ้น
AI ที่ว่านี้ชื่อว่า “Fighterbuild Avatar Creator” เป็นตัวที่ผมคัดสรรมาแล้วว่า เหมาะกับการนำมาใช้วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของการซื้อโฆษณาบน Facebook ในไทย ตามหลัก 5W ได้ดีที่สุด โดยเสียค่าใช้จ่ายเพียงเดือนละ 600 บาทเท่านั้น ถ้าทุกท่านโอเคกับการลองใช้ AI ตัวนี้ ช่วยพิมพ์ “โอเค” มาในคอมเมนต์ได้เลยครับ
เริ่มจากการวิเคราะห์คำถาม “Who” ก่อน สมมติว่าเราขายอาหารแมว แล้วต้องการรู้ว่ากลุ่มลูกค้าหลักของเราในไทย ที่จะซื้อผ่านโฆษณา Facebook เป็นใครบ้าง AI จะสร้างโปรไฟล์เบื้องต้นขึ้นมาให้อย่างนี้:
จากข้อมูลนี้ ทำให้เรารู้แล้วว่ากลุ่มลูกค้าของเรา น่าจะใช้เวลาอยู่บนโซเชียลมีเดีย ติดตามเนื้อหาเกี่ยวกับแมวเยอะ นี่คือโอกาสในการเข้าไปสื่อสารกับพวกเขาผ่านโฆษณาแล้ว
ต่อมาคือ What หรือสิ่งที่เราจะนำเสนอให้ลูกค้ากลุ่มนี้ ซึ่ง AI บอกว่าควรเป็นอาหารแมวที่:
จากนั้นต้องคิดต่อว่า จะใช้ Why ทั้งด้าน Emotional และ Functional อย่างไร ในการสื่อสารให้โดนใจพวกเขา รวมถึงแก้ Pain Point ต่างๆ ผ่าน Why Not อีกด้วย เมื่อเราสามารถกำหนดทิศทางคอนเทนต์แบบนี้ได้ ก็จะสามารถสร้างแผนโฆษณาในแต่ละสเตจของลูกค้าได้แล้ว เพื่อส่งต่อให้ AI ตัวนี้ช่วยออกแบบได้ตรงใจยิ่งขึ้น
ไม่เพียงแค่อาหารแมวนะครับ ผมจะยกตัวอย่างสินค้าอื่นๆ เพิ่มอีก เพื่อให้เห็นวิธีประยุกต์ใช้เทคนิคนี้ในหลากหลายธุรกิจ ทุกท่านสามารถนำไปปรับใช้กับสินค้าและบริการของตัวเองได้ทันที เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายให้แม่นยำ และวางแผนสื่อสารให้โดนใจพวกเขามากที่สุด นี่คือจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะนำไปสู่การสร้างโฆษณาให้ปังและเปลี่ยนจากแก้แอดรายวัน มาเป็นปรับแอดรายสัปดาห์ให้ยอดโตต่อเนื่องอย่างที่เราต้องการครับ
เมื่อเรามี 5W Avatar และเข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการนำข้อมูลเหล่านี้ ไปสร้างโฆษณาที่สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างตรงใจ ในแต่ละระดับการรับรู้ของพวกเขา ตั้งแต่ Unaware, Problem Aware, Solution Aware, Product Aware ไปจนถึง Most Aware
ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่าเราขายอาหารเสริมเพื่อความงาม ตอนนี้เราต้องการสร้างโฆษณาที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าในระดับ Problem Aware คือคนที่รู้ตัวแล้วว่ากำลังมีปัญหาผิวที่ต้องแก้ไข
เราสามารถใช้ AI เพื่อช่วยออกแบบโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มนี้ได้ เช่นให้ AI สร้างโฆษณาตามโจทย์ว่า:
ซึ่งโฆษณาชุดนี้ AI ออกแบบมาให้เราได้ตรงตามหลัก 5W และระดับ Problem Aware แล้ว โดยมุ่งเน้นกระตุ้นให้ลูกค้าตระหนักและเห็นความสำคัญของปัญหาผิวของพวกเขาก่อน พร้อมนำเสนอตัวช่วยแก้ปัญหาเบื้องต้น
จากนั้นในระดับถัดไป เราอาจจะพูดถึง Solution เพิ่มเติมให้ลึกขึ้น เช่น อาหารเสริมคืออีกทางเลือกที่ดีในการฟื้นฟูผิว นอกจากแค่การทาครีมภายนอกเท่านั้น
พอเข้าสู่ระดับ Product Aware เราก็จะเจาะจงมาที่สินค้าของเรา โดยอาจจะใช้การเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่น ชูจุดเด่นของสารสกัด ผลลัพธ์จากผู้ใช้จริง หรือโปรโมชันพิเศษ เพื่อดึงดูดให้มาลองใช้
ส่วน Most Aware ก็คือลูกค้าปัจจุบันของเราแล้ว ซึ่งเราต้องสื่อสารเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อไป
การออกแบบโฆษณาแบบนี้ จะทำให้เราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ทุกระดับความพร้อมในการซื้อ ไม่ใช่แค่คนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงอยู่ก่อนแล้วเท่านั้น แต่รวมถึงคนที่อาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีปัญหาผิว เราก็สามารถไปกระตุ้นเขาได้ตั้งแต่ต้น และดึงให้เขาเดินทางมาในกรวยการขายของเราได้ในที่สุด
นี่คือกลยุทธ์การทำ Facebook Ads อย่างเป็นระบบ ด้วยการวางแผนที่ดีตั้งแต่ต้น และมีเครื่องมือ AI เข้ามาช่วยให้ทุกอย่างง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากจะใช้ AI ช่วยสร้างข้อความโฆษณาและ Brief ภาพให้กราฟิกแล้ว เรายังสามารถนำ AI มาช่วยตรวจสอบแอดของเราว่าสอดคล้องกับนโยบายของ Facebook หรือไม่ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้แอดโดนปิดหรือโดนลงโทษโดยไม่จำเป็น
ผมจะยกตัวอย่างให้ดูครับ ว่าเราสามารถเทรน AI อย่าง ChatGPT ให้คอยตรวจสอบข้อความโฆษณาของเรา โดยอัพโหลดไฟล์นโยบายโฆษณาของ Facebook ให้มันเรียนรู้ไว้ จากนั้นก็แค่สั่งให้มันตรวจแคปชันที่เราสร้างมา ว่ามีจุดไหนที่อาจจะขัดกับนโยบายบ้าง พร้อมแนะนำวิธีการแก้ไขด้วย
เช่นสมมติว่าเรามีแคปชันเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมความงาม ที่มีประโยคแบบนี้
“เบื่อไหมกับปัญหาผิวที่ไม่จบไม่สิ้น ผิวไม่เรียบเนียน จุดด่างดำ หรือริ้วรอยที่คอยกวนใจแต่ละวัน คือการต่อสู้ที่ไม่มีวันชนะ”
เมื่อเราให้ AI ตรวจ มันจะบอกเราว่าประโยคนี้อาจถูกตีความเป็นการอวดอ้างผลลัพธ์เกินจริง และคำว่า “แต่ละวันคือการต่อสู้ที่ไม่มีวันชนะ” อาจเข้าข่ายผลลัพธ์ที่เกินจริงเช่นกัน แล้ว AI จะช่วยแนะนำวิธีแก้ไขประโยคใหม่ให้เราอัตโนมัติ เช่น
“อยากมีผิวสวย สุขภาพดี พิมพ์ใจนำเสนออาหารเสริมบิวตี้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารบำรุงผิว ช่วยฟื้นบำรุงจากภายในสู่ภายนอก เห็นผลได้จริง ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง”
ซึ่งแคปชันใหม่นี้ ได้ปรับข้อความให้สอดคล้องกับนโยบายมากขึ้น โดยไม่อวดอ้างผลลัพธ์ที่เกินจริง แต่ยังคงสื่อสารประโยชน์ของสินค้าได้อย่างชัดเจน
นี่คือตัวอย่างเล็กๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเราสามารถประยุกต์ใช้ AI มาช่วยเราได้แทบทุกขั้นตอนของการทำโฆษณาเลยครับ ซึ่งผมจะทำคู่มือวิธีการโดยละเอียดไว้ให้ทุกท่านหลังจากจบคอร์สนี้ เพื่อให้สามารถเอาไปใช้งานได้จริง
หลังจากที่เราได้เรียนรู้แนวคิดเรื่อง 5W Avatar และ 5 Stages of Awareness กันไปแล้ว การบ้านของเราก็คือลองนำไปประยุกต์ใช้กับสินค้าของตัวเอง โดยใช้ไฟล์ Board ที่ผมจะแชร์ไว้ให้ ซึ่งผมจะให้ทุกท่านได้คนละ 1 Board เป็นของตัวเอง
ให้ลองกรอกข้อมูลตามหัวข้อ Who, What, Why ต่างๆ และใช้ AI ช่วยสร้างแคปชัน พร้อมภาพประกอบ ให้ครบในทุกช่องนะครับ เราจะได้ชุดสื่อโฆษณาที่พร้อมใช้งาน ซึ่งในคู่มือจะมีอธิบายวิธีการทำแบบละเอียดอีกครั้ง
เมื่อทำเสร็จแล้ว สามารถส่งมาให้ผมดูและให้คำแนะนำเพิ่มเติมได้ เพื่อที่พรุ่งนี้เราจะได้มีชุดโฆษณาที่พร้อมใช้ และเรียนรู้เรื่องการลงมือทำแอดกันแบบจริงจังต่อไป
เป็นอย่างไรบ้างครับกับเนื้อหาในวันนี้ หวังว่าทุกท่านจะเห็นภาพแล้วว่า วิธีการเหล่านี้จะช่วยให้การสร้างโฆษณาบน Facebook ทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นยังไง
สรุปเนื้อหาสำคัญของวันนี้ได้ดังนี้ครับ
หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 5W Avatar และ 5 Stages สามารถสอบถามได้ทันที ก่อนที่จะไปลงมือทำการบ้าน โดยทางทีมจะคอยช่วยเหลือและตรวจสอบให้ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนเข้าใจและพร้อมสำหรับวันต่อไป
แล้วเจอกันใหม่ในวันพรุ่งนี้เวลาเดิมนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่ร่วม Challenge กันมาถึงตอนนี้ สวัสดีครับ